Last updated: 4 มิ.ย. 2563 |
ระบบงานพิมพ์ 4 สี หรือที่เรียกว่า CMYK เป็นระบบการพิมพ์ที่นำเอาแม่สี 4 สี ได้แก่ Cyan (ฟ้า) Magenta (บานเย็น) Yellow (เหลือง) และ Black (ดำ) มาพิมพ์ทับกันจนทำเกิดภาพสีสันต่างๆ ในงานพิมพ์ การเลือกใช้สีจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ค่า คือ
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สีที่ได้จากงานพิมพ์ผิดเพี้ยนไปจากที่ต้องการ เนื่องจากนักออกแบบบางท่านได้เลือกตั้งค่าการใช้สีผิดวิธีนั่นเอง ฉะนั้นก่อนส่งไฟล์งานให้โรงพิมพ์อย่าลืม! ตรวจสอบไฟล์งานอยู่ในโหมด CMYK แล้วหรือยัง...
การนับสี มีหลักการอยู่ว่า 1 เพลท คือ 1สี ภาพหรืองานต่างๆ ที่เห็นโดยทั่วไปจะใช้ 4 เพลท หรือที่เรียกกันว่างาน 4 สีแต่ยังมีงานพิมพ์ที่เรียกกันว่าสีพิเศษอีก เช่น สีทอง สีเงิน ซึ่งจะต้องเพิ่มเพลทมา 1 เพลท หรือ 1 สี นั้นเอง
พิมพ์ 1 สี การพิมพ์สีเดียวเป็นงานพิมพ์ที่เห็นกันทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานพิมพ์ขาว-ดำ เช่น หนังสือ ตำราเรียน พ็อคเก็ตบุ๊คส์ แต่เป็นด้านในเนื้อหามิใช่ปกด้านหน้า แต่จริงแล้วงานสีเดียวจะเป็นสีอะไรก็ได้ เช่น แดง เหลือง หรือนํ้าเงิน และในสีที่พิมพ์นั้นก็ยังสามารถเลือกความเข้มได้หลายระดับ ทำให้ดูเหมือนว่าพิมพ์หลายสีได้ เช่น พิมพ์สีแดงบนกระดาษขาว ถ้าพิมพ์จางๆ ก็จะได้สีชมพูเป็นต้น การพิมพ์ 1 สีจะมีต้นทุนตํ่าที่สุด แต่อาจทำให้ดูไม่น่าสนใจนัก ถ้าต้องการความสวยงามก็อาจจะต้องพิมพ์หลายสี เช่น พิมพ์ 2 สี หรือ 3 สี เป็นต้น ส่วนใหญ่จะนิยมพิมพ์ 2 สี เช่น ดำกับแดง หรือดำกับนํ้าเงิน โดยค่าใช้จ่ายก็เพิ่มจากพิมพ์สีเดียวขึ้นมาอีกบางส่วน เพราะโรงพิมพ์จะต้องเพิ่มแม่พิมพ์ตามจะนวนสี และต้องเพิ่มเที่ยวพิมพ์ตามไปด้วย
พิมพ์สี่สี (แบบสอดสี) ถ้าต้องการพิมพ์ภาพที่มีสีสันสวยงามเหมือนที่ตาเราเห็น ควรเลือกพิมพ์สี่สีแบบสอดสี เรานิยมเรียกสั้นๆ ว่า พิมพ์ 4 สี การพิมพ์แบบนี้ไม่ว่าสีของงานพิมพ์จะมีกี่ร้อย กี่พันสี โรงพิมพ์ก็จะใช้วิธีพิมพ์สีหลักสี่สี ซึ่งจะผสมสีออกมาตามที่ต้องการ ซึ่งแน่นอนว่าขั้นตอนจะยุ่งยากกว่าแบบแรก จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง เพราะต้องใช้แม่พิมพ์ถึง 4 ตัว แล้วก็ต้องพิมพ์สี่รอบ สีที่ใช้พิมพ์เขาก็มีชื่อเรียกกัน สี่สีที่ว่าก็คือ ชมพู เหลือง ฟ้า และดำ เช่น ปกหนังสือ โปสเตอร์สวย นิตยสาร วารสาร เป็นต้น
พิมพ์สีพิเศษ เช่น สีทอง สีเงิน ซึ่งมีทั้งแบบเงา และด้าน นอกจากนี้ยังมีสีพิมพ์พิเศษอื่นๆ อีก เช่น สีสะท้อนแสง
19 เม.ย 2567
26 ต.ค. 2567
26 เม.ย 2568